คลินิกความงามที่แตกต่าง
เมื่อวันก่อน เราได้พบกับคุณหมอแยม – พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร ที่ชั้น 2 อาคารฟอฟตี้ฟิฟ ปากซอยทองหล่อซอย 2 ผู้บริหาร THOMAS CLINIC “โทมัส คลินิก” ซึ่งเปิดให้บริการลูกค้ามาสิบกว่าปี ได้รับความไว้วางใจจากคำบอกต่อของคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ต้องโฆษณาเหมือนคลินิกความงามอื่นๆ ไม่มีเซลล์มาขายของให้รำคาญใจ โดยลูกค้าจะได้รับคำปรึกษาจากคุณหมอโดยตรงเพื่อวินิจฉัยก่อนเท่านั้น
ทำให้ที่นี่มีคนไข้ทั้งหญิงและชายเชื่อมั่นในการเข้ามารับบริการกันไม่ขาดซึ่งแตกต่างจากคลินิกความงามทั่วไป โดยเฉพาะผู้ชายกว่า 40% เข้ามาใช้บริการของคลินิกแห่งนี้ ซึ่งการรักษาเป็นแบบไพรเวท เราไปรู้จักกับคุณหมอแยม ผู้บริหารโทมัส คลินิกกันเลยดีกว่า
ปรึกษาคุณหมอเป็นด่านแรกของการเข้ารับการบริการ
คุณหมอแยม – แพทย์หญิง รุ่งไพลิน รัตนชีวร เล่าว่า “หมอจะเป็นด่านแรกในการปรึกษา เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ไม่มีพนักงานขายของ เพื่อประโยชน์ของคนไข้มากที่สุด ทั้งเรื่องของการได้รับผลลัพธ์ทันที และไม่สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ” เรียกว่า เป็นนิยามของ “คุณหมอแยม” หรือ พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร กับการทุ่มเทการรักษาดูแลคนไข้ หรือแม้แต่ผู้ที่เข้ามาปรึกษาด้านความงาม อย่างเต็มความสามารถ ไม่ใช่การมุ่งเน้นทำธุรกิจ”
THOMAS CLINIC (โทมัส คลินิก)สถานที่ทำงานของคุณหมอแยม ซึ่งแค่เห็นชื่อคลินิก ก็รู้สึกเห็นถึงความแตกต่างแบบไม่ซ้ำใครแล้ว ยิ่งเดินเข้ามาในคลินิก ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด
คุณหมอแยม เล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่ตั้งชื่อคลินิกแบบนี้ เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการนั้น เป็นผู้ชาย “ลูกค้าเกือบครึ่งหนึ่งของคลินิก เป็นผู้ชายแท้ๆ ซึ่งตอนที่คิดจะเปิดคลินิก เลยอยากได้ชื่อที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกอยากเข้ามาใช้บริการ”
“ขณะเดียวกัน คลินิกเสริมความงามของเรา ก็ไม่ใช่คลินิกที่มีคอร์สทรีทเม้นท์เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาและบำรุงจากภายใน เช่นบางรายมีปัญหาเรื่องเส้นผม หรือ ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย บ้างก็มีปัญหาข้อเข่า เราจะมีบริการดูแล และหาสาเหตุอาการแต่ละจุดตามที่ลูกค้าต้องการเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลจริง”
จะว่าไปแล้ว วันนี้ผู้ชายจำนวนไม่น้อยได้หันมาให้ความสนใจเรื่องของความงามไม่ต่างจากผู้หญิง “ยิ่งเป็นผู้ชายในแวดวงธุรกิจแล้ว ทำให้เขาเห็นความสำคัญในเรื่องภาพลักษณ์บริษัท หรือ ธุรกิจที่ทำอยู่หรือ บางรายผู้หญิงสวยๆ มักจะพาแฟน หรือสามี มารับบริการ เพื่อให้ดูดีเหมือนกัน”
วิธีการดูแลด้านความงามของผู้ชาย
คุณหมอแยม เล่าถึงการให้บริการลูกค้าผู้ชายว่าที่มีความแตกต่างจากผ้หญิงว่า การดูแลจะแตกต่างไปจากผู้หญิง “ผู้ชายบางคน อาจมีริ้วรอยแห่งวัย ก็อยากจะให้เราช่วยรักษาให้ริ้วรอยลดลง อาจไม่ต้องให้ถึงกับหายไปเลย แต่ให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทำเยอะเหมือนผู้หญิง บางคนมาด้วยปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เราก็จะช่วยยกกระชับใบหน้าให้ ทำให้ไม่เพียงลูกค้าจะรู้สึกใบหน้ากระชับเท่านั้น แต่ยังได้ความอ่อนวัยกลับไปด้วย”
“วันนี้จำนวนลูกค้าที่เป็นผู้ชายที่เข้ารับบริการกับทางคลินิกของเรามีถึง 40% ค่ะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชื่อของคลินิก การตกแต่ง รวมไปถึงการดูแลรักษาที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก และจุดเด่นอีกอย่างของคลินิก คือ ไม่ต้องมานั่งรอคิวเยอะๆ และไม่มีเซลล์มารบกวนลูกค้าเลย จะเป็นการนัดหมายลูกค้าเท่านั้น พอมาถึงคลินิกก็เข้าห้องรักษาเลย เสร็จแล้วกลับบ้าน” เรียกว่าตอกย้ำถึงความเป็นส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด
ประเด็นความยากง่ายการรักษา คุณหมอแยมเล่าว่า การดูแลรักษาผู้ชายยากเหมือนกัน “ช่วงแรก ๆ ยากมาก ยิ่งผู้ชายที่ไม่เคยเข้ารับบริการด้านความงามมาก่อน ยากมาก เพราะเขาจะรู้สึกว่า ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร และยิ่งกว่านั้น ผู้ชายเป็นคนกลัวเจ็บ กลัวเข็ม ต่างจากผู้หญิงที่มีความอดทน โดยเฉพาะการอดทนเพื่อความสวย
แต่พอผู้ชายได้ทำไปแล้ว เขาจะรู้สึกดีและไม่ทำให้เขาดูเปลี่ยนแปลงเยอะ มีความเป็นธรรมชาติ ทำให้รู้สึกมั่นใจ” คุณหมอแยม บอกด้วยว่า “หลังจากที่ผู้ชายเปิดใจกับสิ่งใหม่แล้ว เขาก็จะเป็นคนตัดสินใจเองว่า จะทำโปรแกรมอะไรต่อไป โดยที่ทางคลินิกไม่ต้องนำเสนอโปรแกรมอะไรเลย
ไม่ว่าจะเป็น เซเลบริตี้ หรือ ดารานักแสดง รวมถึงคนดังในแวดวงต่างๆ หากเข้ามารับบริการในคลินิก สิ่งหนึ่งที่จะไม่เจอเลยคือ การถ่ายภาพ เพื่อไปทำโฆษณา หรือแม้แต่การขายคอร์ส ขายโปรแกรม “เพราะเราไม่ทำการตลาดแบบนั้นอยู่แล้ว ยิ่งการถ่ายภาพ Before & After เรารู้สึกว่าเหมือนเป็นการทำภาพให้ดูเกินจริง ทางคลินิกจึงเน้นทำให้ลูกค้าเห็นผลกันจริงๆ เลยดีกว่า แล้วแนะนำเป็นคอนเนคชั่นแบบบอกต่อกันไป”
อีกสิ่งหนึ่งที่คุณหมอแยม ทำมาตลอดคือ การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง “หมอจะเป็นคนบอกลูกค้าเองว่า เขาควรทำอะไร และดูแลจุดใดเป็นพิเศษ ขณะที่เทียบกับคลินิกอื่น จะเป็นการปรึกษากับเซลล์ที่ไม่ได้จบแพทย์ หรือ พยาบาล บางทีมีการบอกคอร์สผิดก็มาขายคอร์สเพิ่มให้ลูกค้า ทำให้สิ้นเปลือง และสร้างความสับสนให้กับลูกค้า
เราเลยเน้นไปที่การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง เพราะเราเองเป็นแพทย์อยู่แล้ว จะตอบคำถามลูกค้าเองหมด แม้แต่ในไลน์ หมอจะเป็นแอดมิน คุยกับลูกค้าโดยตรง”
ฐานลูกค้าจากความไว้วางใจ
เชื่อหรือไม่ โทมัส คลินิก ไม่เคยลงโฆษณาในสื่อเลย นอกเสียจากมีสื่อเข้ามาสัมภาษณ์เอง “เนื่องจากเรามีฐานลูกค้าเป็นแบบไพรเวท วีไอพี หากเราไปลงโฆษณา ลูกค้าจะไปดูที่ราคาเป็นหลัก และเขาจะไม่ได้รู้จักเราจริงๆ ส่งผลให้เกิดความยากในการทำงาน ไปจนถึงต้นทุนค่าใช้จ่าย”
ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา คุณหมอแยม เล่าว่า ทางคลินิกแทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากวิกฤต ขณะที่บางคลินิก มุ่งแต่จะลงโฆษณา แล้วสู้กันที่ราคาว่า ใครถูกกว่ากัน “ยิ่งเราไม่มีเซลล์ ก็ไม่ต้องแบ่งรายได้ 20-30% ให้เซลล์ ทำให้คลินิกสามารถลดราคาให้กับลูกค้าได้เอง
ที่สำคัญเราไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินไป ทำให้ลูกค้ามักกลับมารักษากับเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่ให้กับเรา”
“เพราะหมอมีความรู้สึกว่า ถ้าอยากเป็นนักธุรกิจก็คงจะไปประกอบอาชีพอื่นดีกว่า แต่มองว่าเราเกิดมาเป็นแพทย์แล้ว อยากทำหน้าที่แพทย์ให้ดีที่สุด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทำให้เรารู้สึกดีและภูมิใจในตัวเองมากที่สุด”
คุณหมอแยม ยังเล่าด้วยว่า แผนการและแนวคิดที่เธอวางไว้เหล่านี้ ยังทำให้เธอรู้สึกถึงความสมดุลในชีวิต “เรียกว่า เวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ของเราในวันนี้ดีทุกอย่าง มีเวลาส่วนตัวมากพอที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เช่นการทำบุญ หรือออกงานสังคม พบเพื่อนฝูง ขณะเดียวกันยังมีเวลาที่จะได้ดูแลลูกค้าด้วย เพราะวันนี้การทำงานถือเป็นความสุขของเราจริงๆ”
สามารถปรึกษา คุณหมอแยม-พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร ได้ที่ THOMAS CLINIC
(ชั้น 2)อาคารฟิฟตี้ฟิฟ ทองหล่อ (ปากซอยทองหล่อซอย 2)
สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์ 063-5569-669 หรือ ที่ IG :@ThomasClinic และ Facebook: Thomas Clinic (@thomasclinic.thonglor)