การเคหะแห่งชาติ เปิดบ้าน OPEN HOUSE บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) พร้อมเปิดตัวผู้ถือหุ้นอย่างเป็นทางการ เผยความคืบหน้าบ้านเช่าพร้อมอาชีพ 100,000 หน่วย พร้อมระดมทุนจากภาคเอกชนกว่า 60,000 ล้านบาท ด้วยแนวคิดสร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนานในมิติ “มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีความสุข” ให้ผู้อยู่อาศัยมีที่พัก มีอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยกระดับสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดบ้าน OPEN HOUSE บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) พร้อมเปิดตัวผู้ถือหุ้นอย่างเป็นทางการ โดยมี พลตรี ดร.เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ ดร.จเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการการเคหะแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) นายอัครพล ลีลาจินดามัย กรรมการการเคหะแห่งชาติ และนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารการเคหะแห่งชาติ เข้าร่วมในพิธีเปิดงาน ณ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ร่มเกล้า กรุงเทพฯ
สำหรับการจัดตั้งบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) หรือ Keha Sukpracha Public Company Limited : K-HA คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้น เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เป็นบริษัทในเครือการเคหะแห่งชาติโดยวางเป้าหมายให้เข้ามาสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคที่อยู่อาศัยควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและสร้างรายได้อย่างครบวงจร ด้วยรูปแบบการเช่าบ้านพร้อมที่ทำกินสำหรับผู้มีรายได้น้อยรวมทั้งส่งเสริมการออมผ่านการประกอบอาชีพในพื้นที่ที่จัดไว้เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมผ่านการจัดประโยชน์พื้นที่ ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนที่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง
ทั้งนี้ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) มีการเคหะแห่งชาติ ถือหุ้นใหญ่จำนวน 49.0% และกลุ่มผู้ถือหุ้นอีก 6 ราย ประกอบด้วย บริษัท ออมสุข วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด 25.0%, บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) 11.0%, บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด 5.0%, บริษัท แฟคซิลิตี้ แมนเนจเมนท์ จำกัด 5.0%, บริษัท มหาจักรอิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด 2.5% และบริษัท แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 2.5% โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 500 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนจากการเคหะแห่งชาติ 245 ล้านบาท และเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นรายอื่นที่ไม่ใช่ภาครัฐ 255 ล้านบาท และได้แต่งตั้ง บล.ทรีนีตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินอีกด้วย
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า บมจ.เคหะสุขประชา ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อให้การดำเนินงานในโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” เกิดความคล่องตัวและประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น ตามเป้าหมายให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยโดยถ้วนหน้า โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง พร้อมลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้มั่นคง และสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี
“ภารกิจของเคหะสุขประชารุดหน้าอย่างรวดเร็วด้วยการร่วมมือกันของการเคหะแห่งชาติ รวมถึงกลุ่ม ผู้ถือหุ้น ที่เข้ามาร่วมขับเคลื่อนให้ความสำคัญกับการสร้างที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบาย สะอาด และปลอดภัย โดยได้ดำเนินการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้ควบคู่ขนานไปกับโครงการ ให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยกระดับคุณภาพชีวิตได้ในแบบ มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีความสุข”
ด้าน นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และประธานกรรมการ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บมจ.เคหะสุขประชา มีการเคหะแห่งชาติ ถือหุ้นใหญ่จำนวน 49.0% และกลุ่มผู้ถือหุ้นอีก 6 ราย ประกอบด้วย บริษัท ออมสุข วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด 25.0%, บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) 11.0%, บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด 5.0%, บริษัท แฟคซิลิตี้ แมนเนจเมนท์ จำกัด 5.0%, บริษัท มหาจักร อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด 2.5% และบริษัท แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 2.5% โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 500 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนจากการเคหะแห่งชาติ 245 ล้านบาท และเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นรายอื่นที่ไม่ใช่ภาครัฐ 255 ล้านบาท
ทั้งนี้งบการสร้าง “เคหะสุขประชา บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” จะเป็นการระดมทุนจากภาคเอกชนทั้งหมด รวมกว่า 60,000 ล้านบาท โดยทางเคหะสุขประชา ได้แต่งตั้ง บล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางด้านการระดมทุนดังกล่าวด้วย
สำหรับเป้าหมายของการดำเนินงานก่อสร้างโครงการบ้านเคหะสุขประชา บ้านเช่าพร้อมอาชีพจำนวน 100,000 หน่วย จะใช้เวลาดำเนินงานภายในระยะเวลา 4 ปี ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ปี 2565 ไปจนถึงปี 2568 โดยมีเป้าหมายการก่อสร้างแบ่งเป็นปี 2565-2566 ปีละ 30,000 หน่วย และปี 2567-2568 ปีละ 20,000 หน่วย และยังมีการส่งมอบบ้านเป็นโครงการนำร่องแล้ว ในโครงการ “บ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง” จำนวน 302 หน่วย ตามด้วยโครงการ “บ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า” จำนวน 270 หน่วย ในอัตราเช่าที่ 1,500 – 3,500 บาท/เดือน
ทั้งนี้ โครงการบ้านเคหะสุขประชายังมีการสร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนาน ในมิติของ “มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีความสุข” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย ให้สามารถประกอบอาชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดให้มีพื้นที่สีเขียว พื้นที่สันทนาการ พื้นที่จอดรถ รวมถึงพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” ตามความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย 6 รูปแบบ คือ เกษตรอินทรีย์, ปศุสัตว์, ตลาด,ศูนย์การค้าปลีกค้าส่ง, อาชีพบริการในชุมชนและชุมชนข้างเคียง และอุตสาหกรรมขนาดเล็ก มุ่งส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระในชุมชน รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้น ๆ ที่เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย
“โครงการบ้านเคหะสุขประชาเดินหน้าขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว จากนโยบายของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มั่นใจว่าสังคมที่ดีจะเริ่มต้นขึ้นที่ บ้าน ในครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งบ้านเช่าทั้ง 100,000 หน่วยในโครงการ จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ได้พักอาศัยในที่อยู่ที่ดี มีคุณภาพมาตรฐานในราคาที่เหมาะสม ทั้งยังสามารถพัฒนาทักษะอาชีพในชุมชนเพื่อสร้างรายได้ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงยกระดับสังคมอย่างยั่งยืน” นายทวีพงษ์ สรุปทิ้งท้าย