นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่และบริษัท ท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia และคว้าสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดงานตั้งแต่ปี 2562 แต่ประสบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จนเลื่อนมาจัดในปีนี้ คือ The Route Development Forum for Asia 2023 ระหว่างวันที่ 14 – 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ถือเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนานาชาติต่อศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการประชุมนานาชาติได้เป็นอย่างดี โดยงานนี้ถือเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นงานสำคัญยิ่งในการแสดงศักยภาพความพร้อมด้านการดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานของเมืองเจ้าภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการตัดสินใจมาร่วมลงทุนทำธุรกิจ
“งานนี้นอกจากจะถือเป็นการเปิดตลาดประชุมนานาชาติของเชียงใหม่ตั้งแต่ต้นปีแล้ว คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 80 ล้านบาทจากการเข้าร่วมของผู้บริหารสายการบินและท่าอากาศยานทั่วโลก หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 1,200 คน ยังไม่นับรวมถึงการสร้างศักยภาพในอุตสาหกรรมการบิน การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และโอกาสในการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยว การให้บริการด้านที่พักโรงแรม หรือสิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประสบการณ์โดยตรงจากสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายในเมือง ซึ่งเชื่อว่าจังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่กล่าวมา” นายนิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดการประชุมนานาชาติ (Conventions) เป็นหนึ่งในตลาดหลักสำคัญของธุรกิจไมซ์ ความสำเร็จในการประมูลสิทธิ์งานประชุมนานาชาติเข้าสู่ประเทศไทยนั้น สะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจไมซ์ไทยในระดับนานาชาติทุกมิติ ทั้งในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการจัดงานระดับโลก บุคลากรมืออาชีพระดับสากล เครือข่ายสมาคม องค์กร สถาบันการศึกษาที่เข้มแข็ง และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ ที่สำคัญเมืองไมซ์ซิตี้ที่ได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจะสามารถสร้างชื่อเสียง สร้างความเชื่อมั่น ตลอดจนเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
โดยในปี 2565 ที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย สถิติของนักเดินทางไมซ์ในจังหวัดเชียงใหม่ไมซ์ซิตี้มีจำนวนทั้งสิ้น 146,286 คน สร้างรายได้อยู่ที่ 636 ล้านบาท เชื่อว่าในปี 2566 นี้ อุตสาหกรรมไมซ์ในจังหวัดเชียงใหม่จะเติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิมจากความเชื่อมั่นที่กลับมาหลังสถานการณ์โควิด ซึ่งในส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยนั้น ทีเส็บคาดการณ์ว่าหากสถานการณ์ในปี 2566 อยู่ในทิศทางบวกต่อเนื่อง ภาพรวมการเดินทางของไมซ์จะกลับมาร้อยละ 80 ของปี 2562 ทำให้ไทยมีรายได้ไมซ์รวมประมาณ 145,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70 ของปี 2562 หรือเติบโตจากปี 2565 ร้อยละ 327 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในไมซ์ซิตี้ชั้นนำ ย่อมได้รับประโยชน์จากการเป็นจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพและโดดเด่นด้วยอัตลักษณ์ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนเสน่ห์ของเมืองและวิถีชีวิตของผู้คน