เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (ม.น.ข.) เนรมิตงานบุญมหากุศลที่ยิ่งใหญ่ “เทศน์มหาชาติ ประจำปี 2566” ฉบับย่อ 13 กัณฑ์ 3 ชั่วโมง โดยประธานศาลฎีกาหญิงคนที่ 3 ของไทย นางอโนชา ชีวิตโสภณ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี พระเทพปฏิภาณกวี (เจ้าคุณบุญมา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และอาจารย์สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์ ประธาน ม.น.ข.เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ณ หอประชุมโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม (หัวลำโพง) กรุงเทพฯ
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง องค์อุปถัมภิกา มูลนิธิฯ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 91 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2566 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 68 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2566 ม.น.ข. จึงดำริจัดงานเทศน์มหาชาติธรรมมาสน์คู่ฉบับย่อขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทุกช่วงวัย ได้ร่วมสร้างมหากุศลเฉลิมพระเกียรติ และมีโอกาสได้รับฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ครบจบบริบูรณ์ภายในวันเดียว โดยมีพระพิมลธรรมภาณ พระนักเทศน์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม นั่งธรรมมาสน์คู่กับพระมหาจารุวัฒน์ พระนักเทศน์จากวัดเวฬุวนาราม เขตดอนเมือง ซึ่งชาวพุทธมีความเชื่อว่า การฟังเทศน์มหาชาติจบภายในวันเดียว จะได้รับอานิสงส์มาก ทำสิ่งใดจะประสบผลสำเร็จ สมความปรารถนาทุกประการ
การเทศน์มหาชาตินั้น เป็นการสั่งสอนคนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์ และมิใช่ประโยชน์ รู้จักให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และเป็นการสรรเสริญพระเกียรติคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์พระนามว่า “เวสสันดร” ในพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ โดยที่พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา กล่าวคือ ทรงบำเพ็ญทาน ด้วยการพระราชทานวัตถุสิ่งของแก่ชาวเมือง พระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่พราหมณ์ชาวเมืองกาลิงคะ พระราชทานพระชาลีและพระกัณหา ซึ่งเป็นพระโอรสและพระธิดาแก่พราหมณ์ชูชก พระราชทานพระนางมัทรีซึ่งเป็นพระมเหสีแก่ท้าวสักกะ พระเวสสันดรทรงรักษาศีล รักษาคำสัตย์ คือ เมื่อพระองค์ตรัสว่าจะพระราชทานสิ่งใดแล้ว พระองค์ก็พระราชทานสิ่งนั้นดังที่ตรัสไว้ พระเวสสันดรได้เจริญภาวนาด้วยการเสด็จออกผนวช เจริญภาวนาอยู่ ณ เขาวงกต ทรงสละความเป็นอยู่อย่างกษัตริย์แล้วดำรงพระชนม์ชีพอย่างนักบวช จึงทำให้คนส่วนใหญ่ที่ได้ฟังเทศน์มหาชาติแล้วมีอุปนิสัยจิตใจอ่อนโยน มีศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนา ยินดีในการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ตามพระจริยาวัตรของพระเวสสันดร นั่นคือ สามารถทำให้ความเห็นแก่ตัว หรือความยึดมั่นถือมั่นว่า “นั่นเรา นั่นของเรา” ค่อย ๆ เบาบางลง จนกระทั่งหมดสิ้นไปในที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลต่อสังคมไทยในด้านต่าง ๆ เช่น ศีลธรรม จริยธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วรรณกรรม จิตรกรรม การศึกษา ตลอดถึงการเมืองการปกครองของไทยอีกด้วย
อาจารย์สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์ กล่าวว่า การจัดงานเทศน์มหาชาติมหากุศล ประจำปี 2566 ของ ม.น.ข.ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าแล้ว สิ่งที่ต้องการที่สุดคือ อยากให้คนทุกช่วงวัยได้มีโอกาสรับฟังเทศน์มหาชาติ ซาบซึ้งในการบำเพ็ญทานบารมี รักษาศีล รู้จักการให้และแบ่งปัน ลดความยึดมั่นถือ เพื่อให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข
และที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งคือ ม.น.ข.จะนำเงินที่มีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบำเพ็ญกุศลในการจัดงานเทศน์มหาชาติครั้งนี้ ไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนทั่วประเทศต่อไป พร้อมกันนี้ท่านประธาน ม.น.ข.ได้ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดงานครั้งนี้ทุกท่านด้วย