นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวว่า การทยอยกลับมาของนักท่องเที่ยวตลาดหลัก ส่งผลให้สถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมล่าสุด ตั้งแต่ 1 มกราคม –16 มิถุนายน 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้วถึง 16,200,706 คน เพิ่มขึ้น 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 765,584 ล้านบาท กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้ ซึ่งมาตรการภาครัฐหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นวีซ่าไทย-จีน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง การกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือ วีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซักสถาน รวมถึงการโรดโชว์ของหน่วยงานการท่องเที่ยวไทยที่มีเป้าหมายในการขยายตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลาง จะมีส่วนช่วยผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยภาคธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรมเอง ก็ได้รับผลดีจากแรงหนุนของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน นอกจากการเข้าใช้บริการของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยมาตรการและโครงการต่างๆ ที่ภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Easy E-Receipt ที่ผู้เข้าพักโรงแรมสามารถนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว (ค่าที่พักโรงแรมและค่าอาหารโรงแรม) มาขอรับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่นบาท ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา การส่งเสริมการประชุมสัมมนาภายในประเทศ (MICE : Meeting, Incentive, Convention and Exhibition) จากทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนที่คาดว่าจะช่วยกระจายรายได้ไปยังจังหวัดสำคัญทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว อาทิ การปรับปรุงและขยายสนามบิน ทั้งในจังหวัดท่องเที่ยวและจังหวัดรองอื่นๆ พร้อมทั้งขยายเส้นทางคมนาคมทั้งระบบรางและถนน ล้วนส่งผลดีช่วยให้การท่องเที่ยวกระจายไปสู่เมืองรองมากขึ้น
ภาพรวมการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนา ปรับปรุง ปรับตัวให้ทันต่อแนวโน้มและพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นความนิยมการท่องเที่ยวเฉพาะบุคคล (Personalized Traveling) ที่นักท่องเที่ยวต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ตรงกับความต้องการและความสนใจของตนเองมากขึ้น ธุรกิจโรงแรมสามารถตอบสนองได้โดยนำเสนอบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละคน เช่น แพ็คเกจท่องเที่ยว ที่พักและบริการที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล การบริการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธุรกิจโรงแรมก็สามารถตอบสนองความต้องการนี้
โดยนำเสนอบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น สปา ฟิตเนสและอาหารเพื่อสุขภาพ การท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงสุขลักษณะ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจโรงแรมก็สามารถตอบสนองความต้องการได้โดยใช้แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน เช่น การประหยัดน้ำและพลังงาน การรีไซเคิล และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานและให้บริการ ธุรกิจโรงแรมสามารถใช้เทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เช่น ใช้แอปพลิเคชันในการจองห้องพัก เช็คอิน สั่งอาหาร ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้คำแนะนำส่วนบุคคล และการใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ดังนั้นทางสมาคมจึงได้ส่งเสริมในเรื่องของการติดตาม ความเคลื่อนไหว แนวโน้มของการท่องเที่ยว การปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มได้ รวมถึงการสนับสนุนและร่วมมือในการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2024 ที่นอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมความรู้ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำมาใช้กับธุรกิจโรงแรม และกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ อย่างมากมาย ส่วนกิจกรรมที่ทางสมาคมฯ ร่วมจัดในงาน Food & Hospitality Thailand 2024 ครั้งนี้ ประกอบด้วย การจัดประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมฯ การประชุมสัมมนา Digital Day และความยั่งยืนในห่วงโซ่และธุรกิจโรงแรม การแข่งขันค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ Thailand Hotel Bartenders’ Championships 2024
นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand กล่าวถึงความร่วมมือและการจัดงานเพื่อร่วมพัฒนาผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมของไทยว่า ทุกครั้งของการจัดงานฯ ได้มีการรวมรวม วิเคราะห์ ศึกษาข้อมูลแนวโน้มและทิศทางของธุรกิจการท่องเที่ยวโลก จากความเป็นบริษัทใหญ่เบอร์หนึ่งของโลกและมีเครือข่ายกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของโลก ทำให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่และเจาะลึกถึงพฤติกรรมด้านการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้งาน Food & Hospitality Thailand เป็นหนึ่งในงานสำคัญด้านการท่องเที่ยวของภูมิภาคที่หลายประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมจัดแสดงงานและร่วมชมงาน
ยิ่งไปกว่านั้นการได้ร่วมมือกับ สมาคมโรงแรมไทย มาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี ถือเป็นสายสัมพันธ์ที่ดีมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและจัดกิจกรรมร่วมกันอยู่ตลอดเวลา โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการร่วมผลักดันและพัฒนาผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวและโรงแรมของไทยให้มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง จนถึงวันนี้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก แต่เราก็ยังต้องรักษาความมีมาตรฐาน พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้การจัดงาน Food & Hospitality 2024 ครั้งนี้ จะเข้มข้นขึ้น ทั้งการจัดแสดงสินค้า บริการ โซลูชั่นการดำเนินธุรกิจ นวัตกรรมและเทคโนโลยี จากบริษัทชั้นนำของโลกที่เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าที่จะมีทั้งหมด 8 โซน ครอบคลุมทั้งธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงยังอัดแน่นด้วยกิจกรรมการประชุม สัมมนา Workshop และการแข่งขันเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว อาทิ การสัมมนาการท่องเที่ยว 2024 และก้าวไปสู่อนาคต: วิสัยทัศน์สู่ความสำเร็จ โดยคุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, Smart Tourism Talk: พลิกโฉมการท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพด้วยเทคโนโลยี การแข่งขันสุดยอดเชฟประเทศไทย Thailand’s 28th International Culinary Cup (TICC) ซึ่งเป็นการแข่งขันรายการใหญ่ของประเทศ ฯลฯ
งาน Food & Hospitality Thailand 2024 เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและการบริการที่ครบวงจรที่สุดของภูมิภาค โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ณ ฮอลล์ 1-4 ชั้นG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ข้อมูลรายละเอียดการจัดงานสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fhtevent.com Facebook : Food & Hospitality Thailand