‘พาณิชย์’ ร่วมประชุมบอร์ดบริหารสถาบัน ERIA หนุนวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรม การค้าที่ยั่งยืน ความเป็นกลางทางคาร์บอน เศรษฐกิจหมุนเวียน เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ด้านไทย ผลักดันใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะ AI มุ่งให้ความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนมีมาตรฐานสูง เร่งเสริมทักษะแรงงานด้านดิจิทัล ปรับเปลี่ยนการผลิตรองรับการค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นพลังงานสะอาด และหาแหล่งพลังงานทดแทน
นายภัณฑิล จงจิตรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ให้เป็นผู้แทนไทยในบอร์ดบริหารของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (Economic Research Institute for ASEAN and East Asia: ERIA) ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจาก 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารสถาบัน ERIA ครั้งที่ 17 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ณ สำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
นายภัณฑิล กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะ AI ที่จะมีบทบาทมากขึ้นในโลกธุรกิจปัจจุบัน โดยอาเซียนควรเร่งสร้างกฎเกณฑ์ร่วมกันและมีแนวทางในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ พร้อมทั้งมุ่งให้ความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน เป็นความตกลงที่มองไปข้างหน้าและมีมาตรฐานสูง เพื่อยกระดับการค้าดิจิทัลของอาเซียนและเชื่อมโยงตลาดอาเซียนให้ไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับเร่งเสริมทักษะแรงงานด้านดิจิทัล และใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและ Big Data ในทางการค้าให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ยังได้ผลักดันประเด็นการแก้ปัญหาโลกร้อนและการค้าที่ยั่งยืนของอาเซียน ในฐานะที่เป็นฐานการผลิตของโลก จะต้องเร่งปรับเปลี่ยนการผลิตรองรับการค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการลงทุนในพลังงานสะอาด และหาแหล่งพลังงานทดแทน รวมทั้งเสริมสร้างบทบาทด้านการวิจัยและการพัฒนา เพื่อยกระดับมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีเขียวให้เป็นที่ยอมรับในสากล
นอกจากนี้ ในปี 2567 ERIA จะเน้นการเปลี่ยนผ่านภูมิภาคสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าที่ยั่งยืน โดยในด้านดิจิทัลได้จัดตั้งศูนย์การพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลและเศรษฐกิจยั่งยืน (ERIA Digital Innovation and Sustainable Economy Centre: E-DISC) ซึ่งจะตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนา และเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับประเทศในภูมิภาคเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงจะให้ความร่วมมือด้านงานวิชาการและจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) อีกทั้งจะส่งเสริมการทำธุรกิจของกลุ่มสตาร์ทอัพในด้านการสร้างระบบนิเวศที่รองรับการค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมสตาร์ทอัพที่โดดเด่นในการใช้นวัตกรรมและสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน
สำหรับด้านการค้าที่ยั่งยืน จะสนับสนุนด้านวิจัยและนโยบายให้อาเซียนมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และเชื่อมโยงเครือข่ายพลังงานระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา โดยได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาการลดการปล่อยคาร์บอน (Asia Zero Emission: AZE Centre) ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มในการแบ่งปันข้อมูลกับเครือข่ายด้านการวิจัย เพื่อพัฒนานโยบายที่เกี่ยวกับการลดการปล่อยคาร์บอน และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ที่ใช้พลังงานทดแทนอื่นนอกจากพลังงานไฟฟ้า และการพัฒนาให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นศูนย์กลางตลาดคาร์บอนในอนาคต
ทั้งนี้ สถาบัน ERIA ถือเป็นองค์กรระหว่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2551 และได้รับการจัดอันดับใน Global Go To Think Tank Index ให้เป็น International Economics Policy Think Tank อันดับต้นๆ ของโลก รวมทั้งเป็นองค์กรคลังสมองด้านนโยบายของอาเซียนและเอเชียตะวันออก โดยบอร์ดบริหารรับผิดชอบการกำหนดแผนงานวิจัยและเสนอแนะนโยบายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของภูมิภาคให้แก่รัฐบาลของประเทศสมาชิก