(กรุงเทพฯ – 25 มิถุนายน 2567) นายอิทธิ ทองแตง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล และ รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงพยาบาล วางระบบ Smart Energy มุ่งสู่การเป็น Smart Hospital
นายอิทธิ ทองแตง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า เครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละปีมีการใช้พลังงานไฟฟ้ารวมโดยเฉลี่ยที่ 265 ล้านเมกะจูล คิดเป็นค่าใช้จ่ายกว่า 352 ล้านบาท จึงมีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยนโยบายจัดการพลังงาน 3 ประการ คือ
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด , การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และปลูกจิตสำนึกในการใช้พลังงาน , การใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมาได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานจากโครงการ MEA Energy Award, Thailand Energy Awards และมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพระดับสากลจาก Well Health and Safety Rating 2023 อีกด้วย
ที่ผ่านมาได้ดำเนินการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV รวมไปถึงการดำเนินการติดตั้ง Solar Cell บนหลังคาของโรงพยาบาลในเครือ
นายอิทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับแผนการจัดการพลังงานในอีก 5 – 10 ปี จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ปรับปรุงระบบแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศในโรงพยาบาล และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบ AI ควบคุมติดตามการใช้พลังงาน เพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล สามารถขับเคลื่อนแผนอนุรักษ์พลังงานสู่การเป็นโรงพยาบาลสีเขียวได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม”
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีมีความเชี่ยวชาญในด้านพลังงานและมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม การลงนามบันทึกความร่วมมือกับเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ในครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีเป้าหมายร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่การเป็น Green Hospital มหาวิทยาลัยฯ ยินดีให้การสนับสนุนทางวิชาการ การฝึกอบรม และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุผลสำเร็จและขยายผลออกไปอย่างกว้างขวาง”
นายอิทธิ กล่าวปิดท้าย “ความร่วมมือนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบการจัดการพลังงานและนวัตกรรม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และพัฒนาบุคลากรในด้านพลังงานอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานของทั้งสององค์กร และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม