สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ประชุมหารือร่วมกับ คณะกรรมการประกันภัยเบ็ดเตล็ด สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันวินาศภัยกว่า 25 แห่ง ณ ห้องประชุม สถาบันวิทยาการประกันภัย ชั้น 2 สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “ร้านอาหารอุ่นใจ มีประกันภัยคุ้มครอง” อย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในกลุ่มร้านอาหารให้เข้าถึงระบบประกันภัย และใช้ประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง พร้อมยกระดับความมั่นคงให้กับธุรกิจ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศ
นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. เปิดเผยว่า ภายหลังจาก โครงการ “ร้านอาหารอุ่นใจ มีประกันภัยคุ้มครอง” ได้เริ่มนำร่องที่จังหวัดขอนแก่น และประสบความสำเร็จในการนำระบบประกันภัย เข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาธุรกิจร้านอาหารทั่วประเทศ ดังนั้น จึงได้กำหนดแผนดำเนินการเชิงรุกร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ ได้แก่ การลงพื้นที่หารือกับหอการค้าจังหวัดเป้าหมาย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วที่จังหวัดสงขลา และเตรียมเดินสายพบปะผู้บริหารสภาหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชลบุรี กระบี่ และเชียงใหม่ เพิ่มเติมตามลำดับ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การขยายโครงการในระดับประเทศอย่างเป็นระบบ ควบคู่กับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีรองรับโครงการ โดยพัฒนาระบบงานเพื่อบันทึกข้อมูลของร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ และการออกตราสัญลักษณ์ “ร้านอาหารอุ่นใจ มีประกันภัยคุ้มครอง” เพื่อเป็นการสร้าง มาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจอาหารในมิติด้านการบริหารความเสี่ยง โดยคาดว่าระบบงานจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับในปี 2569 สำนักงาน คปภ. ตั้งเป้าขยายการรับรู้และการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต และขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีผู้ประกอบการอาหารอยู่ในลำดับต้น ๆ ของประเทศ พร้อมดำเนินกิจกรรมมอบตราสัญลักษณ์ เพื่อยกระดับมาตรฐานธุรกิจร้านอาหารไทย ให้มีความมั่นคง ปลอดภัย และน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภค
รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านตัวแทน นายหน้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับบริบทของประชาชนและลักษณะธุรกิจในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและร้านอาหาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ สอดรับกับการผลักดันให้ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomic destination) ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวฯ ไม่เพียงเป็นการขับเคลื่อนระบบประกันภัยให้เข้าถึงการประกันภัย แต่ยังเป็นการวางรากฐานของวัฒนธรรมที่ใส่ใจผู้บริโภค มีมาตรฐาน มีความรับผิดชอบ และพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตอย่างมืออาชีพ รวมทั้งส่งเสริมรูปแบบการประกันภัยแบบฝังตัว (Embedded insurance) ที่กำลังมี บทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่สังคมไทยที่มีภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ และใช้ระบบประกันภัยเป็นกลไกการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต