พฤกษากางแผนปีหนู ชู 5 กลยุทธ์สุดแข็งแกร่ง รักษาแชมป์อสังหาฯ
โชว์ผลงานปี 62 ทำกำไร 5,359 ล้าน
พฤกษา ประกาศแผนธุรกิจปี 63 ชู 5 กลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาว รักษาแชมป์ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย ตั้งเป้ายอดขาย 38,000 ล้านบาท และรายได้ 40,000 ล้านบาท รุกเปิดโครงการใหม่ 30 โครงการ มูลค่า 36,000 ล้านบาท พร้อมปั้นธุรกิจใหม่ขายแผ่นพรีคาสท์เสริมรายได้ แจงผลงานปี 62 ยังน่าพอใจ ปิดกำไรสุทธิสูง 5,359 ล้านบาท พร้อมตุนยอดรอรับรู้รายได้เกือบ 3 หมื่นล้าน เตรียมรออนุมัติจ่ายปันผลรอบปี 62 ที่อัตราหุ้นละ 1.55 บาท
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปี 2563 นี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังมีความท้าทาย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นผู้นำตลาดจะมีความได้เปรียบกว่ารายเล็ก โดยในปีนี้พฤกษาตั้งเป้ายอดขายที่ 38,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมที่ 40,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับผลงานดำเนินงานปีที่แล้ว โดยมีการปรับกลยุทธ์ในการรุกธุรกิจอสังหาฯ อย่างรัดกุมในทุกมิติท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรงภายใต้ 5 กลยุทธ์หลัก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ได้แก่
Strengthen Core Business รักษาฐานกลุ่มธุรกิจหลักของพฤกษา ออกแบบสินค้า ฟังก์ชั่นและ IOT รองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละเซ็กเมนต์ และพร้อมขยายเซ็กเมนต์ไปกลุ่มบนมากขึ้น
ที่ผ่านมาพฤกษาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ โดยมีอัตราการขาย (Take up rate) มากกว่า 50% ในปีนี้จึงมีแผนเปิดโครงการ “เดอะ ปาล์ม” อีก 2 โครงการบนทำเลศักยภาพ เพื่อเจาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากขึ้น รวมถึงทาวน์เฮาส์ที่จะขยายไปยังเซ็กเมนต์ 3-5 ล้านมากขึ้นภายใต้แบรนด์พฤกษาวิลล์และเดอะคอนเนค พร้อมใช้แบรนด์พาทิโอ ขยายตลาดเจาะกลุ่มทาวน์เฮาส์ระดับลักชัวรี่
Innovation and Data Tech เพิ่มช่องทางการขายในรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าให้ครบในทุกมิติ และพัฒนา Data Science ในการวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้าพร้อมทั้งนำเสนอ Solution ที่ตอบโจทย์ รวมไปถึงการเพิ่มขีดความสามารถของ Digital Marketing ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Asset Management เน้นขายโครงการที่เป็น inventory โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม และเลือกเปิดขายโครงการใหม่เฉพาะทำเลที่มีศักยภาพในช่วงเวลาเหมาะสมกับสภาพตลาด ควบคุมการก่อสร้างและวัสดุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงกลยุทธ์ในการเลือกซื้อที่ดิน
Recurring Income สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องด้วยการผลิตแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปเพื่อขายให้กับหน่วยงานภายนอก พฤกษามีโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดและใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับพฤกษาอย่างต่อเนื่องโดยจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ ในขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลวิมุต การก่อสร้างยังเป็นไปตามแผนคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคม 2564
Bottom Line การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้กำไรสูงขึ้น ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีการ Optimize ดีไซน์ของตัวบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละเซ็กต์เมนต์ รวมถึงเพิ่มการใช้ดิจิทัลมาร์เกตติ้งให้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยปี 2563 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 30 โครงการ มูลค่า 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 18 โครงการ บ้านเดี่ยว 6 โครงการ คอนโดมิเนียมกลุ่มแวลู 4 โครงการ และคอนโดมิเนียมกลุ่มพรีเมียม 2 โครงการ เน้นทำเลที่มีศักยภาพและมีความต้องการซื้อจริง โดยจะเปิดขายในช่วงจังหวะที่เหมาะสม ควบคู่กับสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง โดยหัวใจสำคัญคือพัฒนาคุณภาพบ้านพร้อมนวัตกรรมการอยู่อาศัยเพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 35,601 ล้านบาท รายได้ 39,885 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,359 ล้านบาท เปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 36 โครงการ มูลค่า 41,170 ล้านบาท แม้จะยังไม่ถึงตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากมีการเลื่อนบางโครงการมาเปิดในปีนี้ โดยรวมถือว่ายังเป็นที่น่าพึงพอใจ เนื่องจากปีที่ผ่านมามีปัจจัยที่เหนือการควบคุมไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย รวมถึงมาตรการ LTV ที่ทำให้ตลาดหดตัวลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่าสูงถึง 29,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 10,900 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ จะมีการเปิดขายโครงการใหม่ 30 โครงการ รวมถึงการเร่งดำเนินธุรกิจขายแผ่นพรีคาสท์ จะทำให้พฤกษามีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ปิดท้ายข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้น บริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 1.55 บาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 จึงคงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบนี้ในอัตราหุ้นละ 0.95 บาท โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในที่ 29 เมษายน 2563 และกำหนดจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ” นางสุพัตรา กล่าว