“อมรศักดิ์”ย้ำชัด! พร้อมเดินหน้าพัฒนาสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงทั้ง 18 แห่งทั่วไทยเต็มสูบ เล็งปั้นสะพานปลาสมุทรสาคร เป็น ”Hub of Seafood” เร็วๆนี้ ตามแผนพัฒนาธุรกิจ 5 ปี พร้อมรับลูก รมช.เกษตรฯ ที่อยากให้ อสป.เร่งพัฒนาสะพานปลาและท่าเทียบเรือทั้งหมดให้ทันสมัย สะอาด ถูกสุขอนามัย และเป็นจุดเชคอิน แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงขยายพื้นที่จำหน่ายสัตว์น้ำจืดทั่วภาคกลาง ภาคเหนือ และอีสาน
นายอมรศักดิ์ พันธุรักษ์ รองผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา ด้านสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง เปิดเผยว่า การเข้าร่วมแถลงข่าวประจำสัปดาห์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานวันนี้ (21 ต.ค.63) ในส่วนขององค์การสะพานปลา(อสป.) มีแผนที่จะเดินหน้าพัฒนาสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงทั้ง 18 แห่งต่อเนื่อง พร้อมเล็งขยายพื้นที่ปักธงภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำจืดด้วย
สำหรับการพัฒนาและปรับปรุงสะพานปลาสมุทรสาครตามแผนงานที่วางไว้ และตามนโยบายของนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่อยากให้ อสป.พัฒนาสะพานปลาและท่าเทียบเรือทั้งหมดให้ทันสมัย สะอาด ถูกสุขอนามัย และเป็นจุดเชคอิน แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในแต่ละพื้นที่นั้น เพราะที่สะพานปลาสมุทรสาคร มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ ต.มหาชัย บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ 3 งาน 96.1 ตรารางวา มีความพร้อมมากในการพัฒนาให้เป็น”Hub of Seafood” เป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ในการรับประทานอาหารทะเลสด ปลอดภัย ปราศจากสารปนเปื้อน และถูกสุขอนามัย เนื่องจากเป็นสะพานปลาที่มีความยาว 155 เมตร ติดแม่น้ำท่าจีน ด้านหน้าติดถนน มีการคมนาคมสะดวก อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้ระยะเวลาเดินทางแค่ 20-30 นาทีเท่านั้น
“สะพานปลาสมุทรสาครได้มีการตรวจสุขอนามัยตลอด ซึ่งผู้ประกอบการและผู้ที่มาใช้พื้นที่ค้าขายก็พึงพอใจมาก แต่นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยากดูแลพี่น้องชาวประมง รวมถึงประมงพื้นบ้านให้ดีที่สุด และอยากให้พัฒนาสะพานปลาและท่าเทียบเรือที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อสป.ไปสู่ระดับอินเตอร์ ซึ่งวันนี้ อสป.ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมทำห้องประชุมขนาด 150 คน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว กลุ่มที่มาศึกษาดูงาน และกลุ่มประชุมสัมมนา นอกจากนี้ ยังมีการใช้เครื่องชั่งอัตโนมัติ ซึ่งเป็นแนวทางของการจัดตั้งศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก(PIPO) ไว้บริการเพื่อเป็นการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าสัตว์น้ำ “
นายอมรศักดิ์ กล่าวว่า แผน 5 ปี อสป.จะพัฒนาสะพานปลาและท่าเทียบเรือทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยจะดูว่าท่าไหนมีความพร้อม และสามารถใช้ประโยชน์ของที่ดินได้สูงสุดก่อน